การทดสอบเกรดสแตนเลส

คุณสมบัติของ สแตนเลส 304

สแตนเลส 304 เป็นหนึ่งในประเภทของสแตนเลส Austenitic ซึ่งเป็นประเภทของสแตนเลสที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสำหรับการใช้งานในหลายๆ สถานการณ์ คุณสมบัติหลักของสแตนเลส 304 ได้แก่:

การต้านทานการกัดกร่อน: ด้วยส่วนประกอบที่มี Chromium และ Nickel ทำให้สแตนเลส 304 มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมปกติและสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น

ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในหลายๆ งานอุตสาหกรรม

ความยืดหยุ่น: สามารถยืดเป็นแผ่นหรือท่อได้ง่ายโดยไม่แตกหัก

การทนต่อการกัดกร่อนโดยอาหาร: เหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

ไม่แมกนิติก (Non-magnetic): เมื่อเทียบกับสแตนเลสประเภท Ferritic หรือ Martensitic

การเชื่อม: สามารถเชื่อมได้ดีและสามารถทนต่อการแตกเสียหายจากกระบวนการเชื่อม

ความสามารถในการตัดและรูปร่าง: เหมาะสมสำหรับการกลึง, การขึ้นรูป และการเจียระไน

ความต้านทานต่ออุณหภูมิสูง: สามารถทนต่อการใช้งานในอุณหภูมิที่สูงได้

สแตนเลส 304 เป็นวัสดุที่นิยมใช้งานในหลายๆ และถูกใช้ในการผลิตอุปกรณ์ในโรงแรม, อุตสาหกรรมอาหาร, อุปกรณ์การแพทย์, และในการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร.

การทดสอบเกรดสแตนเลสด้วยสารเคมี

การทดสอบเกรดของสแตนเลสด้วยสารเคมีเป็นวิธีที่ใช้สารเคมีเฉพาะเจาะจงเพื่อทำปฏิกิริยากับสแตนเลสและตรวจสอบผลตอบสนองของวัสดุเพื่อระบุเกรดของสแตนเลส.

การทดสอบด้วยน้ำกัดเกรดสแตนเลส (Stainless Steel Spot Test):

ใช้ทดสอบการต้านทานต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์

สามารถช่วยในการแยกระหว่างสแตนเลส 304 และ 316 เนื่องจาก 316 มีความต้านทานต่อคลอไรด์มากกว่า 304 เนื่องจากมีโมลิบดีนัม

ด้วยการใช้สารเคมีเฉพาะเจาะจงเช่น Ferric Chloride (FeCl₃) สามารถดูการกัดกร่อนของวัสดุเพื่อระบุเกรด

การทดสอบด้วย Copper Sulfate (CuSO₄):

ใช้สารนี้แช่หรือทาบนสแตนเลส

ถ้าสแตนเลสนั้นมีกากเหล็กหรือเป็นสแตนเลสที่มีความแมกนิติกสูง, จะมีการตอบสนองด้วยการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน

โปรดทราบว่า การทดสอบด้วยสารเคมีนี้สามารถทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือป้ายบางส่วนของสแตนเลส ดังนั้น, ควรทำการทดสอบในพื้นที่ที่ไม่เป็นสำคัญหรือที่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย และอย่าลืมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองเมื่อทำการทดสอบด้วยสารเคมี.

สแตนเลส 304 แม่เหล็กดูดติดหรือไม่

สแตนเลส 304 เป็นสแตนเลสประเภท Austenitic ซึ่งปกติแล้วจะเป็น ไม่แมกนิติก (Non-magnetic) หมายความว่า แม่เหล็กไม่ควรจะดูดติดกับสแตนเลสประเภทนี้ในสภาวะปกติ.

แต่ในบางกรณีหลังจากกระบวนการขึ้นรูป, เช่น การบีด, การกลึง, หรือการเชื่อม, สแตนเลส 304 อาจเปลี่ยนสภาพเป็นแมกนิติกบางส่วนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างที่ระดับโมเลกุลของวัสดุ. การขึ้นรูปสแตนเลสโดยใช้กระบวนการที่ทำให้เกิดความร้อนมากๆ ก็สามารถทำให้สแตนเลส 304 แปลงโครงสร้างและกลายเป็นแมกนิติกได้ชั่วคราว.

ดังนั้น, แม้ว่าสแตนเลส 304 ในสภาวะปกติจะเป็นไม่แมกนิติก แต่ก็สามารถมีการแปลงเป็นแมกนิติกในบางสถานการณ์ที่ผ่านกระบวนการเฉพาะ.

วิธีเช็คสแตนเลส 316

ถ้าจะแยกกับวัสดุอื่นๆ ให้ใช้วิธีการแยกเดียวกับสแตนเลส 304 แต่หากจะต้องการแยกออกจาก 304 โดยง่ายและรวมเร็วเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะถูภายนอกแล้วแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง

แนะนำให้ใช้งานเครื่อง XRF ยิงเพื่อระบุเลยดีกว่า

เครื่องตรวจสแตนเลส

เครื่องตรวจสแตนเลสเป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบและระบุประเภทของสแตนเลส ปกติจะมีหลายวิธีในการทดสอบและระบุประเภทของสแตนเลส บางเครื่องมืออาจเหมาะสมกับการตรวจสอบแบบสนามงาน ในขณะที่บางตัวอาจจะเหมาะกับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ดังนี้:

  1. เครื่องวิเคราะห์ด้วยแสง XRF (X-ray Fluorescence): เป็นเครื่องที่สามารถวิเคราะห์ประกอบเคมีของวัสดุได้อย่างรวดเร็ว ใช้ระบุส่วนผสมเคมีของสแตนเลสเพื่อระบุประเภท
  2. Spark Tester: เมื่อสแตนเลสถูกสัมผัสกับแหล่ม, จะเกิดปรากฏการณ์ spark ที่มีลักษณะเฉพาะตามประเภทของสแตนเลส
  3. เครื่องวัดความแมกนิติก: เนื่องจากบางประเภทของสแตนเลสเป็นแมกนิติก และบางประเภทไม่เป็น การตรวจสอบความแมกนิติกเป็นวิธีง่ายที่สามารถช่วยระบุประเภทของสแตนเลสได้
  4. กล้องจุลทรรศน์: สำหรับการวิเคราะห์โครงสร้างของสแตนเลสในระดับไมโครสคอป
  5. การทดสอบการต้านทานการกัดกร่อน: โดยการนำสแตนเลสไปแช่ในสารเคมีที่เฉพาะเจาะจงเพื่อดูการตอบสนองทางเคมี
  6. การทดสอบความแข็ง: โดยใช้เครื่อง Rockwell หรือ Vickers เพื่อวัดความแข็งของผิววัสดุ

เครื่องมือที่ถูกเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการในการทดสอบ หากต้องการความแม่นยำสูง อาจต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาแพงและซับซ้อน ในขณะที่การตรวจสอบที่เป็นแนวโน้มเฉพาะหรือเพื่อการตรวจสอบเบื้องต้น อาจใช้เครื่องมือที่ง่ายและราคาประหยัดมากขึ้น.

การทดสอบเกรดสแตนเลส

การทดสอบเกรดของสแตนเลส (Stainless Steel) จะช่วยให้เราทราบว่าวัสดุที่มีอยู่นั้นมีคุณภาพและความหมายที่ถูกต้องหรือไม่ ด้านล่างนี้เป็นวิธีที่ใช้ในการทดสอบเกรดของสแตนเลส:

การวิเคราะห์ส่วนประกอบทางเคมีของวัสดุ

เป็นการทดสอบที่แน่นอนที่สุด เนื่องจากจะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ส่วนประกอบทางเคมี (Chemical Analysis) เพื่อดูส่วนประกอบของโลหะ

มีเครื่องมือหลายประเภทที่ใช้ในการวิเคราะห์ส่วนประกอบทางเคมีของวัสดุ แต่สำหรับสแตนเลส วิธีที่นิยมใช้งาน ได้แก่:

  1. X-ray Fluorescence (XRF): เครื่องวิเคราะห์ XRF จะใช้รังสี X-ray เพื่อทำให้อนุภาคในวัสดุเกิดการฟลูออเรสซ์ และจากนั้นวิเคราะห์รังสีที่ได้เพื่อทราบส่วนประกอบของวัสดุ
  2. Atomic Absorption Spectroscopy (AAS): เครื่องวิเคราะห์ AAS จะวัดปริมาณของอนุภาคเฉพาะที่ถูกดูดซับรังสีแอตมอสเฟียร์
  3. Inductively Coupled Plasma (ICP): เครื่องวิเคราะห์ ICP จะใช้พลาสมาเพื่อแยกและวัดอนุภาคทางเคมีในวัสดุ
  4. Optical Emission Spectroscopy (OES): เครื่องวิเคราะห์ OES จะใช้การแยกและวัดรังสีจากการปล่อยของอนุภาคที่ถูกกระตุ้นด้วยแหล่งพลังงาน

การทดสอบด้วยคุณสมบัติทางกล (Physical properties)

จะทดสอบคุณสมบัติทางกลของวัสดุ เช่น ความแข็ง, ความยืดหยุ่น, ความต้านทานการกระแทก ฯลฯ

ถ้าหากเรากล่าวถึงการทดสอบคุณสมบัติทางกล (Physical properties) ของสแตนเลส ตรงนี้จะหมายถึงการทดสอบเช่น:

  1. การทดสอบความแข็ง: เพื่อวัดความแข็งของวัสดุ
  2. การทดสอบความยืดหยุ่น: เพื่อวัดความสามารถในการยืดของวัสดุ
  3. การทดสอบความต้านทานการกระแทก: เพื่อวัดความสามารถในการรับแรงกระแทกของวัสดุ
  4. การทดสอบความต้านทานการซื้อม: เพื่อวัดความสามารถในการต้านทานการซื้อมของวัสดุ

การทดสอบเครื่อง Spark

ด้วยการฉีดเส้นไฟผ่านตัววัสดุ, สแตนเลสแต่ละเกรดจะมีแบบแพทเทิร์นของเส้นไฟที่แตกต่างกัน

วิธีการทำงานของเครื่อง Spark Tester คือ:

  1. การสร้างประกาย: ตัวอุปกรณ์จะใช้กรายด์ (grinder) ในการสร้างประกายจากวัสดุโลหะที่ต้องการตรวจสอบ
  2. การตรวจสอบรูปแบบประกาย: ประกายที่เกิดขึ้นจากการกราย จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุโลหะ สี, ความยาว, และลักษณะของประกายจะช่วยให้สามารถทำนายประเภทของวัสดุโลหะนั้นได้

การทดสอบด้วย Spark Tester สามารถบอกเราได้ว่าวัสดุโลหะนั้นเป็นประเภทใด แต่เพื่อให้แน่ใจในส่วนประกอบทางเคมีของวัสดุ การทดสอบด้วยวิธีการวิเคราะห์ทางเคมีอาจจะต้องใช้งานเพิ่มเติม

ต้องระวังว่าวิธีนี้เป็นวิธีการที่ค่อนข้างคร่าว ๆ และไม่ค่อยแม่นยำเมื่อเทียบกับวิธีการทดสอบอื่น ๆ แต่สามารถให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวัสดุโลหะได้เร็วและง่าย

การทดสอบด้วยแม่เหล็ก

สแตนเลสบางเกรดจะไม่ถูกดึงดูดโดยแม่เหล็ก (เช่น 304) ในขณะที่บางเกรดจะถูกดึงดูด (เช่น 430)